ไม่พบผลการค้นหา
อิสราเอลประกาศเลิกมาตรการสวมหน้ากากในที่แจ้ง - เลิกจำกัดนักเรียน หลังโครงการฉีดวัคซีนโควิดประสบความสำเร็จ

ยูลิ เอเดลสไตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลแถลงระบุว่า "นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ชาวอิสราเอลไม่จำเป็นต้นสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ขณะในที่แจ้งอีกต่อไป โดยนโยบายสวมหน้ากากจะถูกบังคับใช้เฉพาะการอยู่รวมกลุ่มในสถานที่ปิดหรือเฉพาะภายในอาคารเท่านั้น" 

อิสราเอลนับเป็นชาติแรกของโลกที่ออกมาประกาศว่า การสวมหน้ากากในที่สาธารณะกลางแจ้งไม่จำเป็นอีกต่อไป เหตุผลที่รัฐบาลเทลอาวีฟมีประกาศเช่นนี้เนื่องจากอิสราเอลประสบความสำเร็จตามแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของไฟเซอรื โดยจากข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขพบว่า มีชาวอิสราเอลราว 59% หรือราว 5.3 ล้านคน รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ขณะที่ประชากรราว 4.9 หรือ ราว 54% รับวัคซีนครบทั้งสองเข็ม ส่งผลให้ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้อิสราเอลจะเผชิญการระบาดในระลอกที่ 3 แต่สถานการณ์กลับดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้ติดเชื้ออาการหนักที่น้อยลงเช่นกัน

เอเลียนา กามัลกา วัย 26 เผยความรู้สึกกับเอเอฟพีว่า แม้จะรู้สึกแปลกที่ไร้หน้ากาก แต่มันกลับรู้สึกดีมาก เช่นเดียวกับกามูลคา ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะมีงานสมรสในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าเผยว่า เธอรู้สึกดีใจมากที่ทุกคนจะได้ร่วมฉลองโดยไร้หน้ากาก "ฉันโล่งใจมากเราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง"

ตรงข้ามกับเอสเทอร์ มัลกา พนักงานออฟฟิศที่เผยว่า แม้รัฐบาลจะไม่บังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ แต่เธอก็ยังไม่คุ้นชิน และจะยังคงสวมหน้ากากขณะอยู่ในที่สาธารณะต่อไป

"ฉันรู้สึกว่า (หน้ากาก) เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว หากฉันเห็นว่าทุกคนถอดหน้ากากแล้วมันไปได้ดีอีกสักสองสามเดือนข้างหน้า ฉันก็จะไม่ใส่เช่นกัน"


ห้องเรียนไร้จำกัดจำนวน

ขณะเดียวกันนอกเหนือจากมาตรการข้อบังคับเรื่องหน้ากากแล้ว รัฐบาลเทลอาวีฟยังยุติข้อจำกัดเรื่องจำนวนนักเรียนภายในชั้นเรียนด้วย โดยได้อนุญาตให้สถานศึกษาทั่วประเทศกลับมาทำการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้ตามปกติ ไม่ต้องจำกัดจำนวนผู้เรียนอีกต่อไป

ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า ท่ามกลางมาตรการที่ผ่อนปรนเหล่านี้ แต่แผนการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนขนานใหญ่ยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในอิสราเอลดูเหมือนจะตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับพื้นที่ขัดแย้งอย่างในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา ซึ่งมีประชากรราว 4.8 ล้าน ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของปาเลสไตน์ โดยอัตราการติดเชื้อยังคงสูงและมีอัตราการเข้าถึงวัคซีนของประชากรชาวมุสลิมในพื้นที่ยังคงต่ำกว่าประชากรชาวยิวอยู่มาก เรื่องนี้รัฐบาลอิสราเอลถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะพันธมิตรชาติอาหรับอยู่ไม่น้อย

เฉพาะพื้นที่ฉนวนกาซา มีรายงานผู้เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 23 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมที่ 761 ราย


วิจัยชี้เริ่มพบภูมิคุ้มกันหมู่

อิสราเอลเริ่มต้นฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของไฟเซอร์ช่วงกลางเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว กระบวนการฉีดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพียงระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังรับมอบล็อตแรก 5 แสนโดส ประชากรราว 10% เข้าถึงวัคซีนเข็มแรก กระทั่งช่วงต้นเดือนก.พ. 64 ประชากรที่อายุ 60 ปีขึ้นไปอย่างน้อย 90% เข้าถึงวัคซีนเข็มแรกแล้ว

ขณะเดียวกันงานวิจัยซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นเดือน เม.ย. ชี้ว่า กำลังเกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรชาวอิสราเอลแล้ว เช่นเดียวกับวัคซีนประเภทอื่นๆ อิสราเอลซึ่งใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นหลักในการแจกจ่ายประชากรนั้น แต่ก็มีประชากรบางส่วนที่ไม่อาจรับวัคซีนดังกล่าวได้ เนื่องด้วยเหตุผลด้านสุขภาพส่วนตัวหรือกำลังตั้งครรภ์ แต่จากกระบวนการฉีดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วที่ทำให้ประชากรเกิดขึ้นครึ่งของทั้งประเทศเข้าถึงวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้วนั้นกำลังส่งผลให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ ประชากรที่ไม่อาจรับวัคซีนได้ กำลังได้รับการปกป้องจากประชากรที่รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว หลักฐานสำคัญหนึ่งคือตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่เป็นกราฟพุ่งลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ของปลายเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา การวิจัยยังชี้ว่าจากการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 20 จุดในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง เด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปีซึ่งไม่อาจรับวัคซีนได้นั้น มีจำนวนติดเชื้อลดลงราวครึ่งนึงจากก่อนหน้า


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ที่มา: Todayonline