ไม่พบผลการค้นหา
‘วิทยา แก้วภราดัย’ เรียกร้อง กกต.ให้เร่งวินิจฉัยข้อกฎหมายปมผู้สมัคร ส.ส.บางคนโฆษณาหาเสียงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม หลัง กกต.นครศรีธรรมราช ชงสำนวนไต่สวนไปยัง กกต.แล้ว แต่ดองไว้นานถึง 4 เดือน ติง กกต.หวั่นกระทบเสถียรภาพรัฐบาล

นายวิทยา แก้วภารดัย อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการเลือกตั้งไม่เป็นโดยสุจริตเที่ยงธรรม กรณีการเลือกตั้งเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติให้ใบส้มที่ จ.เชียงใหม่ และให้ใบเหลืองที่ จ.สมุทรปราการ แต่ 500 กว่าเรื่องทั้งผู้ถูกร้องและผู้ร้องไม่เคยได้มีโอกาสได้ทราบความคืบหน้าจาก กกต. ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานของ กกต.อาจส่อไปทางขัดรัฐธรรมนูญ เพราะองค์กรอิสระที่ตั้งโดยรัฐธรรมนูญทั้งหมดรวมทั้ง กกต. ถูกบัญญัติไว้ด้วย การทำงานการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 215 การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ มาถึงวันนี้ทางการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า กกต. กังวลในคำวินิจฉัย กลัวจะกระทบกระเทือนเสถียรภาพต่อรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ความกังวลที่ กกต. จะต้องถือ เพราะภารกิจ กกต. ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ชัดเจน 

นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนหน้าที่ทางการเมือง ฝ่ายการเมืองขออนุญาตแก้ และไม่ต้องกังวลกลัวรัฐบาลจะล้มเพราะการออกใบเหลือง ใบแดง รัฐบาลก็มีทางแก้ การเมืองก็มีกระบวนการแก้ไข เหลืออย่างเดียวก็คือ กกต. ต้องกระทำอย่างสุจริต เที่ยงธรรมให้เกิดขึ้นกับการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถือว่าการทำหน้าที่ต่อการเลือกตั้งสอบผ่าน ส่วนการควบคุมการเลือกตั้ง กกต. สอบตก โดย กกต. กำลังจะออกหนังสือรับรองการเลือกตั้งประเทศไทยว่าปราศจากการซื้อสิทธิ ขายเสียง ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่มีการซื้อขายเสียง แต่ไม่เคยมีการจับกุมเรื่องราวการซื้อขายเสียงโดยตรงได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางกรณีการใช้ระยะเวลาในการสืบสวน ไต่สวน ของ กกต. ยาวนานเกินความจำเป็น

นายวิทยา ระบุว่า ตนได้ร้องเรียนกับ กกต. กรณีผู้สมัครบางท่าน ได้โฆษณาหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิด ในข้อเท็จจริงในคะแนนนิยมของผู้สมัครโดยร้องว่าผู้สมัครบางคนกล่าวอ้าง โดยมีในแผ่นปลิวเรียบร้อย โรงพิมพ์รับรอง คนนี้ พรรคนี้ ไปจ้างพิมพ์ กล่าวอ้างว่าเป็นด็อกเตอร์ ทั้งๆ ที่เอกสารทางมหาวิทยาลัยได้ยืนยันผ่านทาง กกต. ผ่านทางนายวิทยามาว่า คนนี้ไม่ได้จบด็อกเตอร์ นอกจากนี้ ยังได้มีการกล่าวอ้างในใบปลิวหาเสียงโฆษณาแจกเป็นการทั่วไปว่า เป็นเลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. ดร.พิจิตต รัตตกุล ซึ่งทาง กทม. ได้ออกหนังสือราชการยืนยันมาว่าเป็นเท็จ อีกทั้ง กกต.นครศรีธรรมราชได้สรุปสำนวนส่ง กกต.เมื่อเดือน มิ.ย. เหลือเพียง กกต.วินิจฉัยข้อกฎหมาย

“ถ้าโฆษณาแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย การเตรียมตัวการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าได้สร้างอะไรขึ้นมา เพราะฉะนั้นปัญหาที่ผมคิดว่า กกต. ทั้ง 7 ท่าน ซึ่งท่านอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริงจึงเรียกร้อง 2 เรื่อง เรื่องที่หนึ่ง คือ ฝ่ายธุรการ กกต. เลขาธิการ กกต. ต้องแถลงเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ให้กับผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ว่ากระบวนการของการร้องเรียนไปถึงขั้นตอนไหน ข้อสอง ถ้าการร้องเรียนการไต่สวนจบเรียบร้อย การสืบสวนจบเรียบร้อย เสนอต่อ กกต. แล้ว สำนักงาน กกต. ฝ่ายธุรการ ท่านได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการไต่สวนและวินิจฉัย ของ กกต. ที่ได้ประกาศในปี 2561 หรือไม่ เพราะระเบียบข้อ 62 กำหนดไว้ เมื่อคณะกรรมการได้รับสำนวนการสืบสวนและไต่สวนแล้ว ให้คณะกรรมการ ซึ่งหมายถึงกกต. ทั้ง 7 ท่าน พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว กกต. นครศรีธรรมราช สรุป มาให้ท่าน 4 เดือนเต็มแล้ว ถ้ายังไม่เสนอ กกต. ทั้ง 7 ท่าน ท่านทำงานทั้ง 4 เดือน โดยไม่มีความคืบหน้า จะถือว่าเร็วหรือไม่ ถ้าถือว่าเร็ว ท่านต้องชี้แจงให้ได้ว่าระเบียบที่ตัวเองออกมา ได้มีการปฏิบัติตามระเบียบหรือไม่”

นายวิทยา ยังเรียกร้องให้ กกต. ปรับปรุงกระบวนการในการกำกับการเลือกตั้ง เพราะปีหน้า ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับการเลือกตั้งท้องถิ่น การเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ผ่านมา การกำกับการเลือกตั้งภารกิจนี้ ถือว่าล้มเหลว จนถึงวันนี้ ร้องเรียน 581 เรื่อง ตัดสินไม่ได้ 2 เรื่อง ท่านทำงานล่าช้า ขัดกับระเบียบตัวเอง ถ้าหวั่นเกรงเรื่องการเมือง ท่านก็จะผิดระเบียบรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นขอให้ปรับปรุงกระบวนการการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึง แสดงให้เห็นว่า กกต. มีอำนาจ มีอิทธิฤทธิ์ พอตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้เป็นผู้ที่จะจับการซื้อสิทธิ ขายเสียงได้ จริงจริง เพราะมิฉะนั้น ถือว่าล้มเหลว