ไม่พบผลการค้นหา
'ศรีสุวรรณ' ร้อง กกต.สอบ 'พิเชษฐ' โอนเงินล้านให้หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ส่อขัดพ.ร.บ.พรรคการเมือง คาดอาจเป็นมัดจำเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับหลักฐานสลิปโอนเงินของนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย โดยเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาสะพานใหม่ดอนเมือง โดยการฝากโอนเงินสดจำนวนหนึ่งล้านบาทถ้วนผ่านระบบบัญชี ไปยังบัญชีออมทรัพย์ของ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมาโดยไม่ทราบเหตุผล

นายศรีสุวรรณตั้งข้อสังเกตว่า การโอนเงินระหว่างหัวหน้าพรรคหนึ่งไปยังอีกหัวหน้าพรรคหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และเกิดขึ้นหลังจากผ่านการเลือกตั้งทั่วไปไม่ถึงสัปดาห์ จึงเป็นกรณีที่มีพิรุธ ซึ่งผู้โอนและผู้รับโอนอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.28 ม.29 ม.44 ม.65 โดยเฉพาะ ม. 72 ที่ระบุว่า "ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย" ซึ่งกฎหมายพรรคการเมืองมีบทลงโทษหลายมาตรา อาทิ ม.92 ม.108 ม.114 ม.122 และม.126 ได้ ซึ่งมีบทลงโทษหนักสุดคือ การเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนได้

ขณะเดียวกัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เงินจำนวนดังกล่าวอาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนในการเข้าร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ เพราะในทางกฎหมายพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองจะไม่สามารถ ยืมเงินหรือทรัพย์สินต่างๆ ได้      

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้นำพยานหลักฐานมาร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและสอบสวน โดยเฉพาะการ สอบเส้นทางทางการเงินว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายและมีเหตุผลรองรับหรือไม่ 

"อาจเป็นการวางมัดจำกันเพื่อจูงใจในการเข้าร่วมสนับสนุนพรรคการเมืองใหญ่เพื่อจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นไปได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ กกต.จะต้องสืบเสาะนำความจริงมาเปิดเผยให้จงได้" 

นายศรีสุวรรณ ระบุด้วยว่าสำหรับการตรวจสอบพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เข้าร่วมรัฐบาล นอกจากสองพรรคดังกล่าวแล้วขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานอื่นๆ ว่ามีการกระทำในลักษณะเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อมีหลักฐานเพิ่มเติม ที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำในลักษณะที่เข้าข่ายเดียวกันก็จะเดินทางมาร้อง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม