ไม่พบผลการค้นหา
ดีเจภูมิ เปิดความในใจถึงสังคมไทย และความแตกต่างระหว่างระบบ ‘ทุนนิยม-สังคมนิยม’ บอกหลังสัมผัสกับชาวบ้าน เห็นด้วยกับสังคมนิยมมากกว่า ประเทศจะไปข้างหน้าได้ รากหญ้าต้อง ‘สบายและไปด้วยกัน’

วันที่ 8 พ.ค. ดีเจภูมิ - ภูมิใจ ตั้งสง่า เปิดเผยความในใจที่มีต่อสังคมไทย ผ่านเฟซบุ๊ก djpoom ระบุ หลังจากสัมผัสความแตกต่างใน 'ระบบทุนนิยม' และ 'สังคมนิยม' มาแล้ว ปัจจุบันนี้ส่วนตัวเห็นด้วยกับระบบสังคมนิยมมากกว่า

“วันนี้อยากเขียนเรื่องนี้..เสี่ยง_ีน เสี่ยงดราม่าอีกแล้วแต่ก็อยากเขียน..สังคมไทยมีความแตกแยกกันมานานแล้ว คล้ายๆ กับประเทศกำลังพัฒนา หลายๆ ประเทศ คนรวยก็รวยไปเลย คนจนยากจนมาก เราเลยมีช่องว่าง ทางสังคมที่ห่างกัน จนมีคำฮิตติดหูว่า “ไฮโซ และ โลโซ”.. ถึงแม้จะมีระยะห่าง และความแตกแยกบ้าง แต่คนสองกลุ่มนี้จริงๆ แล้วไม่ได้มีปัญหาหรือเกลียดอะไรกัน พวกเค้าเพียงแค่ไม่เข้าใจวิถีชีวิต ซึ่งส่งผลไปสู่การกระทำของกันและกัน..ผมต้องยอมรับว่าผมเองก็ไม่เข้าใจ

ผมโตขึ้นในครอบครัวนักธุรกิจใน “ระบบทุนนิยม” (Capitalism) เราคิดว่าต้องพยายามช่วนกันทำเศรษฐกิจของประเทศชาติดีขึ้น ประเทศจะได้เจริญขึ้น “ทุกคนทั้งประเทศ” จะได้มีกินมีใช้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว.. ผมเลยมัวแต่มอง นโยบายทางรัฐ พรรคการเมือง หรืออะไรก็ตามที่เอื้อระบบทุนนิยม.. แต่ก่อนผมไม่เข้าใจชาวบ้านว่า ทำไมถึงยอมขายเสียง ช่วงเลือกตั้ง..

แต่ทุกวันนี้ผมเข้าใจแล้ว แล้วผมก็เคารพและเห็นใจ รวมไปถึง “เห็นด้วย!” กับการกระทำของทุกๆ คน.. ผมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลที่แตกต่างกัน แล้วทุกคนก็พยายามจะทำสิ่งที่น่าจะดีที่สุด สำหรับตัวเราและครอบครัวของเรา.. เงิน 3,000 บาท สำหรับคนบางคน อาจมองว่าขายชาติ แต่สำหรับอีกคนมันอาจเป็นการอยู่รอดของครอบครัวอีกหลายเดือน.. หลังจากที่ได้เริ่มทำ รายการ คนหัวครัว ผมได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตแล้วก็คลุกคลีกับชาวบ้านเยอะมาก จนทุกวันนี้ผมเริ่มไม่ค่อยจะเชื่อในระบบ “ทุนนิยม” แล้ว ผมเชื่อใน “สังคมนิยม” (Socialism) ..

ผมเห็นมาเยอะแล้วกับประเทศทุนนิยมที่เค้าเรียกว่า “ประเทศพัฒนาแล้ว” ทุกคนร่ำรวยจริง แต่เราแข่งขันกันจนเหนื่อย เป็นหนี้เป็นสินมากมาย เราเห็นแก่ตัว เน้นความเป็น independence หรือ พึ่งพาตัวเอง คนรวย คนมีอิทธิพล กำหนดกฎหมายบ้านเมือง นโยบายบ้านเมือง ค่านิยมสังคม สุดท้ายทุกคนต้องใช้ของแพงๆ แบรนด์แพงๆ ที่ไม่ได้ช่วยอะไร (ผมก็เป็น!) เด็กๆ พออายุ 18 ก็ย้ายไปอยู่เอง พ่อแม่พอแก่ตัวก็ส่งไปอยู่บ้านคนชรา นี่หรือความสุข???...

แต่สังคมนิยมสิ ทำเพื่อสังคมเล็กๆ ของเรา เกิดมาโตมาในบ้านไม่ต้องใหญ่ แต่อบอุ่น นอนด้วยกัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน รู้จักเพื่อนบ้านทุกคน ทักทายกันทุกครั้ง ได้อะไรมาก็เอามาแบ่งปันกันจนคำทักทายติดปากชาวบ้านคือ “กินข้าวหรือยัง?”... แม่งโคตรได้ใจเลย... ตอนนี้สังคมข้างบนสบายแล้ว แต่ถ้าประเทศจะไปข้างหน้าได้ “ทั้งประเทศ” สังคมรากหญ้าต้อง “สบายและไปด้วยกัน”.. ชาวนาคือกระดูกสันหลังของประเทศ! อาหารที่พวกคุณผลิต คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของทุกๆ คน! ในช่วงโควิดเราเห็นเลยว่า ของวัตถุทุกอย่างไม่มีใครสนใจแล้ว มันกินไม่ได้ เอาออกมาโชว์ มาใช้ไม่ได้

มันเหลือค่าอะไรล่ะ?! แต่อาหารเนี่ยสิ ตุนกันแย่งกัน.. ประเทศอื่นๆ ที่ผลิตอาหารเองไม่ได้ หลังจากนี้มีโอกาสที่จะอดตายกันได้ แต่ประเทศไทยไม่แน่นอน! ชาวนาและเกษตรกรไทยควรจะได้รับการเชิดชูมากกว่านี้! แต่ทำไมจนลงจนลงทุกวัน? ทำงานยิ่งหนักยิ่งเป็นหนี้? คนที่มองว่าชาวนาชาวนาคือคนไม่มีความรู้ ผมอยากให้มองใหม่พวกเค้าไม่ใช่ไม่มีความรู้.. พวกเขาแค่ไม่มีความรู้ที่จะช่วยส่งระบบทุนนิยม! แต่ความรู้พวกเขานั้นมหาศาล!! เค้ารู้ว่าอากาศแบบนี้ เดี๋ยวฝนจะตก ดินแบบนี้ปลูกอะไรได้อะไรไม่ได้ ปลาหาได้ยังไง สมมติว่า ระบบทุนนิยมและเศรษฐกิจพังหมด เมืองกลายเป็นเมืองร้าง.. คนเมืองคงจะอยู่กันยาก แต่ชาวบ้านจะอยู่กันได้สบายมาก.. นี่แหละคือความรู้ที่แตกต่างกันและคุณค่าที่สังคมมองแตกต่างกัน..

นี่อาจเป็นข้อความที่ยาวที่สุดที่เขยเขียนมา.. สรุปคือสัญญาว่า หลังจากนี้ผมจะทุ่มทรัพยากรส่วนใหญ่ทั้งหมดของผม พยายามทำความเข้าใจวิถีชีวิตชาวบ้านให้มากขึ้น ช่วยให้ความรู้ และพยายามยกระดับชีวิตของพวกคุณ ผมไม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงโลก แต่ผมเชื่อในการช่วยเหลือคนทีละคน ถ้าชีวิตเขาดีได้ เขาสามารถที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างเขา.. แล้วใครจะไปรู้ล่ะ โลกมันอาจเปลี่ยนก็ได้.. รอดูโปรเจกต์ในอนาคตละกัน”