ไม่พบผลการค้นหา
การปรากฎตัวเป็น 1 ใน 10 พยานที่ขึ้นให้ถ้อยคำต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีธนาธรถือหุ้นสื่อ เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนอยากรู้จัก 'รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ' ภรรยาของธนาธร 'วอยซ์ออนไลน์' สัมภาษณ์พิเศษถึงตัวตน ความคิด และชีวิตแม่บ้านของอดีตวาณิชธนากรในวันที่เป็นภรรยาธนาธร

จากวาณิชธนากรของสถาบันการเงินใหญ่ระดับโลก ประจำที่สำนักงานโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อตัดสินใจแต่งงานมีลูก 'วิ-รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ' (สกุลเดิม แดงทองดี) ต้องทิ้งอาชีพที่หารายได้มหาศาล เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกัน ออกมาเป็นแม่บ้านเต็มเวลาที่เมืองไทย 

ต่อมาจึงไปช่วยกิจการของแม่สามี (สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) นั่งบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและบรรณาธิการบริหาร บริษัท โซลิค มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ผลิตนิตยสาร 'WHO' และสื่อสิ่งพิมพ์ให้กับบริษัทต่างๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาดิสรัปต์ (ปั่นป่วน) อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ก็ทำให้ต้องเลิกทำนิตยสาร WHO และต่อมาก็ปิดบริษัทในที่สุด ประกอบกับการตั้งครรภ์ลูกคนที่ 4 ในช่วงต้นๆ ปี 2561 จึงทำให้ 'รวิพรรณ' รับหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวอีกครั้ง  

กระทั่งเดือน พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ชีวิตของ 'รวิพรรณ' มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อสามีของเธอ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ตัดสินใจลาออกจากงานตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซัมมิท ออโต้พาร์ท จำกัด เพื่อมาทำงานการเมืองและตั้งพรรคการเมือง ในชื่อ 'อนาคตใหม่' ด้วยกระแสความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ต่อนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจและกิจกรรมทางการเมือง ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้รัฐบาลจากคณะรัฐประหารมานานกว่า 4 ปี จึงทำให้ความนิยมต่อพรรคอนาคตใหม่ และตัว 'ธนาธร' ค่อยๆ ไต่ขึ้น และพีคสุดๆ เมื่อ มีกระแส 'ฟ้ารักพ่อ' 

'รวิพรรณ' รู้ดีว่า งานการเมืองเป็นความใฝ่ฝัน เป็นจิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่สามีของเธอต้องการทำให้สำเร็จเหมือนกับที่เขาเคยสร้างความสำเร็จไว้ที่บริษัทของครอบครัว ดังนั้น เธอจึงบอกว่า "รู้ว่าห้ามไม่ได้ ดังนั้น ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด"

ธนาธร-รวิพรรณ-ภรรยา-เลือกตั้ง2562

นับตั้งแต่ประกาศตั้งพรรคการเมืองเมื่อเดือน พ.ค. 2561 ผ่านช่วงการจัดตั้งพรรคหาสมาชิก หาตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง หาเสียง จนวันนับคะแนนและการจัดตั้งรัฐบาล ถึงวันนี้ที่ 'รวิพรรณ' จากคนที่ต้องการ Low Profile ก็เป็นที่กล่าวถึงและต้องเจอกับแรงลมการเมือง ถูกพ่วงเข้าไปในคดีความที่เกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นบริษัทสื่อของสามี ที่อาจทำให้เขาขาดคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัดสินชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ

"จากเดิมเราไปไหน ก็ไม่มีใครรู้จัก ทำตัวสบายๆ แต่ตอนนี้ พอออกไปข้างนอกก็มีคนที่เข้ามาทักทายสวัสดี หรือเดินไปไหนก็จะมีคนจำได้ คือถ้าไปพร้อมกับคุณธนาธรก็จะมีคนจำได้ ความเป็นส่วนตัวอาจจะหายไป และเราอาจจะต้องคอยบอกหรือกำชับลูกๆ และคนรอบข้างว่าตอนนี้ หากเราทำอะไรก็อาจจะถูกจับนำมาเป็นประเด็นได้ ทำให้เป็นกระแสหรือเป็นประเด็น จึงต้องระวังตัวเวลาออกสู่สาธารณะ"

"ถามว่ายากมั้ย มันก็ไม่ได้ยาก เพราะจริงๆ ครอบครัวของเราก็ไม่ใช่ครอบครัวที่มีโซเชียลอะไรมากอยู่แล้ว เราก็จะมีเพื่อนในกลุ่มที่เราคุ้นเคย แล้วแต่เดิมทั้งคุณเอก (ธนาธร) และวิก็ไม่ใช่คนไปงานสังคมมากมายอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาออกไป เราก็แค่วางตัวให้มันไม่ใช่จะมาสบายๆ บางครั้งเราอาจต้องคอนโทรลเรื่องการแต่งกายอะไรมากขึ้น รวมถึงเรื่องของเด็กๆ ที่เขาอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมเมื่อก่อน เขาตีลังกาแถวนี้ได้ ทำไมตอนนี้ เขาทำไม่ได้ แต่พออธิบายเขาก็เข้าใจ ดังนั้น ถ้าถามว่า อึดอัดมั้ย ก็ไม่ถึงกับอึดอัด แต่ก็ต้องระมัดระวังตัว เวลาอยู่ในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น" รวิพรรณเล่าถึง สิ่งที่ต้องปรับตัวรับในช่วงกว่าขวบปีที่ผ่านมา 

เพราะความนิยมต่อพรรคอนาคตใหม่และตัวธนาธรที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง นอกจากความเป็นส่วนตัวเมื่ออยู่ในที่สาธารณะจะหายไปแล้ว เรื่องคดีความต่างๆ ก็ตามมาด้วย ซึ่ง 'รวิพรรณ' เผยว่า เราทั้งสองคนเป็นพวกค่อนข้างหนักแน่น เรามีสติ ไม่มัวแต่เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคิดกังวลให้มันเป็นปัญหา แต่ต้องมองไปข้างหน้าว่าเราจะต่อสู้ จะแก้ปัญหาอย่างไร เราจะช่วยกันตรงนั้นมากกว่า

"เราก็รู้อยู่แล้วว่า อะไรคือความถูกต้อง เพราะเราอยู่กับมัน คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น เรารู้ว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด เรารู้ว่าเราถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้น เราก็ได้แต่เดินหน้าสู้ด้วยกติกาที่ถูกต้อง ก็ต้องให้กำลังใจกัน และต้องให้กำลังใจตัวเองด้วย" รวิพรรณ กล่าว

ธนาธร-สยามสแควร์
  • ภาพเมื่อครั้งธนาธรลงพื้นที่หาเสียงกับคนรุ่นใหม่ย่านสยามสแควร์

เข้าใจกระแสฟ้ารักพ่อมีขึ้นมีลง และเชื่อมั่น 'ฟ้ามีเหตุผล'

หลายคนคงอยากรู้ว่า ในฐานะภรรยา เมื่อมีคนมากรี๊ดกร๊าดสามีจนฮิตติดลมบนเป็นกระแส 'ฟ้ารักพ่อ' หนักมาก 'รวิพรรณ' คิดเห็นอย่างไร 

คำตอบของ 'แม่ของฟ้า' หรือ 'ภรรยาของพ่อฟ้า' คือ เธอมองว่า เหล่าฟ้าของพ่อ มีเหตุผล และเพราะพวกเขามีเหตุผล มีตรรกะอยู่แล้ว จึงเข้าใจสิ่งที่ธนาธรพยายามจะทำ หรือ ถ่ายทอด

"ตอนกระแสฟ้ารักพ่อมา เราก็คิดว่ามันเป็นกระแส มันมีขึ้น ก็ย่อมมีลง ซึ่งมันก็เหมือนกระแสตอนที่คนเขาอาจจะชอบดารา เราก็คิดว่า อะไรพวกนี้ มันคงไม่ได้ยืนยาว ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ดีนะ เพราะการที่คุณเอกทำงานการเมืองมีคนตอบรับ เรียกว่าแฟนคลับมาสนับสนุน มาชื่นชมเขา เราก็ดีใจไปกับเขาด้วย แน่นอนว่ามีคนรักก็ดีกว่าคนไม่ชอบ และเวลามีเรื่องอะไรๆ เข้ามาโจมตีเรา ทางเรายังไม่ได้เป็นฝ่ายไปแก้หรือไปชี้แจง ก็จะมีแฟนคลับที่พยายามอธิบายแทนเรา ซึ่งก็ต้องขอบคุณพวกเขา" 

"วิว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่เขาสนับสนุน เป็นนักการเมือง อาสามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้เป็นดารา ป็อบสตาร์เกาหลี เขาก็รับได้ พอเราไปไหนเป็นครอบครัว เขาก็เข้ามาต้อนรับเรา และก็เอ็นดูเด็กๆ ด้วย"

ธนาธร-รวิพรรณ-จึงรุ่งเรืองกิจ-ภรรยาธนาธร-ครอบครัว-จึงรุ่งเรืองกิจ-ลูกชาย-ลูกสาว
  • รวิพรรณและลูกๆ ติดตามธนาธรเฝ้าดูการนับคะแนนผลเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา

เชื่อมั่นศรัทธา 'ธนาธร' มีศักยภาพเป็นนายกฯ ภาวนาอย่าติดคุก

หลายคนอาจเห็นว่า 'ธนาธร' เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพและอาจมีโอกาสนั่งตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร คือ 'นายกรัฐมนตรี' ของประเทศไทย เมื่อสอบถามเรื่องนี้กับภรรยาของธนาธร เธอให้ความเห็นว่า สิ่งที่คนพูดว่า เขามีศักยภาพจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถามว่า เราเห็นไหม เราก็บอกว่า เราเห็นด้วย เพราะรู้จักเขามานาน รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง รู้ถึงความทุ่มเท 

"การที่ธนาธรมาทำตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หรือ เพื่อตัวเอง มีหลายเรื่องที่อยากจะบอกว่า เราต้องเสียอะไรบ้าง คือหมายถึงมันไม่มีอะไรที่คุ้มเลยกับการลงมาทำตรงนี้ แต่เขาก็ยังอยากทำ มันเป็น passion เป็นจิตวิญญาณของเขา เป็นความฝันของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากทำตรงนี้ ถ้าใช้คำสวยๆ ก็อาจเรียกว่า ทำเพื่อสังคมที่ดีขึ้น เพื่อประชาชน แต่ถ้าใช้คำธรรมดาของพวกเรา ก็คือมันเป็นความฝันของเขา เขาแค่รู้สึกว่า ถ้าเขาทำ ตัวเขามีศักยภาพ"  

"วิก็มั่นใจและศรัทธาในความตั้งใจจริงในอุดมการณ์ของเขา แล้วในเรื่องความสามารถตรงนี้ ที่ผ่านมาก็มีข้อพิสูจน์อยู่แล้วว่า เขาสามารถบริหารงานจัดการธุรกิจอะไรต่ออะไร เขาเป็นคนที่มีความพยายามจะเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองตลอดเวลา มี charisma ที่สามารถเป็นผู้นำได้ไม่ขัดเขิน ถามว่าเขามีคุณสมบัติมั้ย ก็บอกว่า น่าจะมี ถ้าหากเขามีโอกาส แต่เราก็เข้าใจว่า ตรงนี้ก็เป็นสังคมที่ทุกคนมีความเห็นที่แตกต่าง เราก็ยังมีความชอบ ไม่ชอบ ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ปรับให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่คุณเอกเป็น" รวิพรรณแสดงความเห็น

ในทางกลับกัน เมื่อมีคนนิยม ก็ย่อมมีความไม่นิยมเช่นกัน แม้หลายคนจะบอกว่า 'ธนาธร' มีศักยภาพเป็นผู้นำประเทศ แต่ในอีกมุมหนึ่ง 'ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่' ก็มีโอกาสติดคุกติดตะราง เผชิญชะตากรรมทางการเมืองเช่นกัน 

เมื่อสอบถามถึงซีนาริโอนี้กับ 'รวิพรรณ' เธอบอกว่า ด้วยตัวตนของสามีและแนวคิดของเขา สำหรับประเทศไทยหรือสำหรับคนบางกลุ่มอาจรับไม่ได้ แต่เธอมั่นใจและศรัทธาในความตั้งใจดีที่อยู่ในตัวธนาธร และรู้ว่า วิธีการของเขาอาจยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งหมด ซึ่งจากประวัติศาสตร์การเมืองของหลายประเทศก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้นำที่เปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คล้ายกับการ revolution (ปฏิวัติ) ก็อาจต้องเจอเหตุการณ์ไม่ดีนัก ซึ่งก็อาจต้องยอมรับ หากมันจะเกิด

"ถามว่าอยากให้เกิดแบบนั้นไหม สนับสนุนไหม เราก็บอกเลยว่า ไม่ แต่ถ้ามันต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่จะทำได้คือภาวนาให้มันเบาที่สุด และหากมันจะเกิดขึ้นกับคุณเอก ก็ขอให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นกับประเทศนี้ ไม่ใช้เกิดขึ้นแล้วถอยหลังลง"

"ภาวนาว่า มันไม่ควรมีเรื่องแบบนั้น แต่เราก็เชื่อว่าทั้งตัวคุณเอกและทีมงานของพรรคก็คงเตรียมใจมาแล้ว และขอให้ทุกอย่างเป็นไปแนวทางสันติ ตามกติกา"

"ที่จริงเราก็ไม่อยากให้พูด เพราะพูดแล้วเหมือนพร้อม หรือเป็นการท้าทาย ... แต่อืม ถ้ามันจะต้องเกิด... (เงียบไป) เราก็ดูจากประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆ ที่เขาผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งก็มีตัวอย่างผู้นำที่ยิ่งใหญ่หลายคนต้องเจออะไรอย่างนั้น ผ่านคุกผ่านตะราง เมื่อมาทำงานการเมือง ดังนั้น ถามว่า วิเตรียมใจมั้ย ก็คงต้องเตรียมใจ แต่เพราะเราไม่ชอบคิดฟุ้งซ่าน หรือกังวลอะไรไปล่วงหน้า ดังนั้นถ้าถึงเวลา แล้วค่อยไปรับมือ และนี่อาจเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เราใช้ชีวิตร่วมกับคุณเอกมาได้" รวิพรรณ เผย

ธนาธร-รวิพรรณ

อดีตนักการเงิน มือดีลธุรกิจใหญ่ สู่ภรรยา 'ธนาธร'

'รวิพรรณ' เกิดปี 2521 เติบโตที่เชียงใหม่ นามสกุลเดิมคือ แดงทองดี จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมงฟอร์ต จ.เชียงใหม่ ปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 38 (ธนาธร จบวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ รหัส 40) แล้วได้รับทุนมูลนิธิ Okazaki Kaheita (ประธานสายการบิน ANA) ไปศึกษาต่อปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์-การเงิน จากมหาวิทยาลัยเคโอ ประเทศญี่ปุ่น และทำงานเป็นวาณิชธนากร (Investment Banking) ที่บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส ที่ญี่ปุ่นในตำแหน่งสูงสุดคือ รองผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนากร กระทั่งเลห์แมนฯ ล้มละลายจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์และขายกิจการให้กับบริษัท โนมูระ เธอจึงย้ายมาทำงานกับโนมูระ ก่อนลาออกและกลับมาเมืองไทย 

แม้ทุกวันนี้จะเป็นแม่ลูก 4 เป็นแม่บ้านเต็มเวลา แต่ 'รวิพรรณ' บอกว่า สิ่งที่ร่ำเรียนและประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา เป็นพื้นฐานให้เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเมือง เวลาต้องติดต่อธุรกิจการงานแทนสามี หรืองานของบริษัทที่จำเป็นต้องดูแลแทน ก็ทำให้เธอสามารถทำได้ แม้ทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานประจำ แต่ยังหาสิ่งพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เช่น การลงทุน การดูแลและบริหารพอร์ตการลงทุน ตามความรู้ความสามารถที่มี ไม่ได้ปล่อยให้นิ่ง  

พร้อมกับการติดตามข่าวสารทุกวัน ทั้งในแง่การเพิ่มพูนความรู้ การอัปเดตและสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมการเงิน เธอบอกว่ เติมความรู้ให้ตัวเองทุกวัน และถ้าวันหนึ่งลูกๆ โตอีกสักหน่อย ก็สนใจไปเข้าคอร์สหรือเรียนหลักสูตรบริหารต่างๆ บ้าง 

"ถ้าถามว่าเสียดายที่เรียนมาไหม ก็ไม่ เพราะเราก็ได้ใช้เป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเมือง แต่อาจเสียดายที่พอเราไม่ได้ทำงาน ก็อาจขาดโอกาสไปติดต่อปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วไปข้างนอก แล้วสังคมที่เราเจอก็จำกัดอยู่ในสิ่งแวดล้อมภายในของเรา ซึ่งเราก็เข้าใจ และคิดว่า แม่ทุกคนที่อยู่ในวัยนี้และมีลูก ก็น่าจะเจอเหมือนกัน ซึ่งก็คิดว่า เดี๋ยวพอลูกๆ โต อยู่ในวัยที่ทุกคนไม่ติดแม่ หรือเขามีอะไรทำของเขาแล้ว เราก็ไปเรียนเสริมได้" รวิพรรณ บอก

ด้วยคุณสมบัติ รูปสมบัติของผู้หญิงคนนี้ และการปรากฎตัวต่อสาธารณะพร้อมร่วมเป็นพยานขึ้นให้การชี้แจงต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ในคดี "ธนาธรถือหุ้นสื่อ" เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน (18 ต.ค.2562) คงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ธรรมดา และนี่คือผู้หญิงข้างกายธนาธร ส.ส.สมัยแรกที่ยังไม่เคยได้เข้าสภาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เลย นับตั้งแต่เปิดประชุมสภาฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2562  


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :