ไม่พบผลการค้นหา
'นภาพร' ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' กำลังใช้โควิดเป็นข้ออ้าง สืบทอดอำนาจ พยายามโยนบาปเรื่องการระบาดรอบใหม่ให้ม็อบนักศึกษา ด้าน 'การุณ' อัด 'พล.อ.ประยุทธ์' โยนบาปอ้างม็อบทำเศรษฐไทยวิกฤติซ้ำ

นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่อ้างว่าการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษาอาจทำให้โควิดกลับมาระบาดระลอกใหม่ เพราะเป็นการปลุกผีโควิดขึ้นมาให้คนกลัว หลังก่อนหน้านี้ก็อ้างโควิดประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่กลับเอาไว้ใช้จัดการกับม็อบนักศึกษา ซึ่งผลจากการไม่ยอมยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้สังคมอยู่ในภาวะหวาดกลัว จนกลายเป็นปัญหาสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้

"วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังโยนบาปเรื่องโควิดให้กับน้องๆ นักเรียนนิสิตนักศึกษา โดยพยายามอ้างว่า การชุมนุมอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาด ทั้ง ๆ ที่น้อง ๆ เขาก็จัดชุมนุมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีปัญหาการติดเชื้ออะไร แต่ที่มีปัญหาคือการนำเข้าเชื้อโควิดจากต่างประเทศ จากมาตรการที่หละหลวมของรัฐบาลเอง แต่พอเกิดปัญหาขึ้น กลับไม่โทษตัวเองเพราะถนัดแต่การชี้นิ้วโทษคนอื่นมาตั้งแต่การยึดอำนาจ " นภาพร กล่าว

นภาพร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังปลุกผีโควิดเพื่อการอยู่ต่อในอำนาจ โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติอย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งที่บุคคลที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและอดีต ผบ.ทบ.จะคิดแผนเอาตัวรอดจากการถูกม็อบนักเรียนนักศึกษาขับไล่ได้เพียงเท่านี้

"พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่าการออกมาชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนเกิดจากความคับข้องหมองใจ ทั้งเรื่องปากท้องเศรษฐกิจและการมีรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยวเพราะต้องการให้ท่านสืบทอดอำนาจ ดังนั้นการที่มีคนออกมาขับไล่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดจากตัวท่านเอง ไม่ควรเอาเรื่องโควิดมาเป็นข้ออ้างในการอยู่ต่ออีก หากต้องการแก้ปัญหาการชุมนุมก็ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เร่งแก้เศรษฐกิจไม่ใช่เอาโควิดมาบังหน้า" นภาพร กล่าว

ส่วนจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทยต่อการชุมนุมในครั้งนี้คือ รัฐบาลควรเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องของนักศึกษาเพื่อปลดล็อกความขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ สว.ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และการตัดสิทธิ์ สว.ในการโหวตเลือกนายกฯ เพื่อทำให้การเมืองมีทางออก ที่สำคัญรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม


'การุณ' ชี้ 'ประยุทธ์' โยนบาปอ้างม็อบทำเศรษฐไทยวิกฤติซ้ำ

การุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่องการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก พร้อมขอประชาชน ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง ไม่ควรทำอะไรที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง เหมือนที่ผ่านมานั้น

ตนเองขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีความห่วงใยประชาชน แต่อยากจะบอกไปยังรัฐบาลว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเองมาตลอด โดยไม่สามารถสนับสนุนอุปกรณ์ที่จะปกป้องชีวิตจากการแพร่ระบาดของไวรัสให้กับประชาชนได้เลย เช่นหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ แต่คนไทยทุกคนก็ดิ้นรนขวนขวายหาซื้ออุปกรณ์ในราคาแพงเพื่อป้องกันตนเอง จึงถือว่าให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ ดังนั้นหากจะเกิดการแพร่ระบาดโควิดรอบ 2 ขึ้นจริงๆ รัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจและกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในแนวทางที่สร้างสรรค์เหมือนกับที่ 'หมอศิลป์ หรือ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน' โฆษก ศบค.ดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งก็คือ การใช้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ประชาชนให้เกิดความหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว 

การุณ กล่าวด้วยว่า ไม่เห็นด้วยที่กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์โจมตีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.ย. นี้ ว่าจะเป็นต้นเหตุทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า เพราะเป็นการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว การที่ประเทศไทยประสบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ประชาชนส่วนใหญ่ยากจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนมีข่าวฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวันนั้น เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินที่บกพร่อง ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นจึงอยากขอร้องไปยังนายกรัฐมนตรีได้โปรดอย่าโยนความผิดของตัวเองและพวกพ้องไปให้กับลูกหลานเยาวชนคนไทยเลย เพราะตั้งแต่ท่านเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหารเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ เศรษฐกิจไทยก็ดิ่งเหวลงมาตลอดไม่เคยโงหัวขึ้นมาได้เลย

“นายกรัฐมนตรี ควรทำตัวแมนๆ หน่อย ยอมรับว่า 6 ปีที่ผ่านมานี้ ท่านและพวกพ้องบริหารประเทศผิดพลาดจนทำให้บ้านเมืองตกต่ำยากจนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นโปรดอย่าโทษคนอื่นเพราะมันเป็นบาป แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆอยากโยนบาปให้ใครสักคนก็ขอให้เป็นคนที่ท่านเห็นในกระจกนั่นแหละไม่ผิดตัวแน่ๆ” การุณ กล่าว