ไม่พบผลการค้นหา
ตรวจสอบเสียงของสองขั้วในสภาผู้แทนราษฎร ณ วันที่ 28 ก.พ. 2563 ถ้าไม่มี ส.ส.ลาป่วย ลากิจ ติดธุระ คาดว่าจะมีเสียงของฝ่ายรัฐบาลเข้าร่วมประชุมไม่ต่ำกว่า 244 เสียง หรือองค์ประชุมกึ่งหนึ่งของ ส.ส.เท่าที่มีอยู่ 488 เสียง

หรือเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตไว้วางใจได้มากกว่า 244 เสียง หรือเป็นมติที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ต่างได้รับเสียงโหวตไว้วางใจผ่านฉลุย

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 151 กำหนดในวรรคสี่ ว่า "มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร"

หากตรวจสอบเสียงของรัฐบาล แม้จะไม่รวมเสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ถอนตัวจากฝ่ายค้าน 5 เสียง (ยกเว้น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ) ก็ยังถือว่า เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวนถึง 268 เสียง

ยิ่งพรรคภูมิใจไทยเดิมทีมี 52 เสียง ได้ 9 ส.ส.กบฏที่ทิ้งสหาย ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่มาเติมเต็มรวม 61 เสียง

268 เสียง ซึ่งไม่รวมกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็ยังเพียงพอที่ 1 นายกฯ และอีก 5 รัฐมนตรีจะได้รับการเสียงจากสภาฯ ให้ผ่านศึกซักฟอกไปได้อย่างง่ายดาย

เว้นเสียแต่ว่าในบรรดา 6 รัฐมนตรีที่ถูกขึ้นเขียงกลางสภาฯ จะได้คะแนนเสียงมากหรือน้อย

หากใครได้คะแนนเสียงมากที่สุดก็อาจรอดตัว

แต่ถ้าใครได้เสียงจากสภาฯที่ให้ไว้วางใจน้อยสุด ก็ถือเป็นแผลติดตัวสะเทือนถึงเก้าอี้รัฐมนตรีในอนาคตได้

เพื่อไทย ฝ่ายค้าน สมพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา วอล์กเอาต์ ประท้วง wwwwwwwwww.jpg

หันมาตรวจสอบเสียงของฝ่ายค้าน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าแม้จะรวมกันเต็มที่เข้าประชุมหรือไม่เข้าประชุมสภาฯ หลังมติพรรคฝ่ายค้าน ยกเว้น ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ บอยคอตการลงมติไม่ไว้วางใจ

เสียงของฝ่ายค้านมีเต็มที่อยู่จำนวน 215 เสียง

ขณะที่วิปฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นยอมรับว่า เสียง 215 เสียง ก่อนถึงวันโหวตไม่ไว้วางใจ ยังไงก็มีแต้มไม่ถึง 215 เสียง ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเป็นที่แน่ชัดว่าจะมี 2-3 เสียงที่เป็นที่รู้กันว่าอาจโหวตไว้วางใจหรืองดออกเสียงให้กับรัฐบาล

ส่วนพรรคประชาชาติ 'อนุมัติ ซูสารอ' ส.ส.ปัตตานี ถึงขั้นไปนั่งกับพรรคพลังประชารัฐระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แสดงตัวตนชัดเจนว่าไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคฝ่ายค้าน

ศึกซักฟอกครั้งแรกของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 แม้จะกินเวลาอภิปรายมาถึง 4 วัน

และยังถูกปิดปากด้วยมติของสภาฯ 251 เสียง หลังฝ่ายค้านใช้สิทธิอภิปรายจนหมดเวลา ไม่ได้แม้แต่ชำแหละตัว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลางสภาฯ

ทำให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องพลิกเกมหันมาซักฟอกผ่านโพเดี้ยมแถลงข่าวนอกห้องประชุมสภาฯ และไม่ร่วมแถลงข่าวกับวิปฝ่ายค้านที่บอยคอตการลงมติในวันที่ 28 ก.พ.นี้

สภา เสียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ 18955411952879_4906677291578294272_n.jpg

(เสียงสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่ ในปัจจุบัน)

อนาคตใหม่  อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา kdkdk .jpg

56 เสียงของ ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ที่ประกาศผ่าน #กูสั่งให้มึงเข้าสภา ถือเป็นแฮชแท็กที่ถูกจุดขึ้นหลัง 'ปิยบุตร แสงกนกกุล' อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้โพสต์ระบายความในใจ จากการถูกโกงเวลาอภิปรายในส่วนของ ส.ส.อดีตอนาคตใหม่จากพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง

"การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจ หรือ Final Say อยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้ว เปลี่ยน ตกลงแล้ว เปลี่ยน คนหนึ่ง พูดอย่าง อีกคน พูดอย่าง พวกเราก็ต้องมาปรับหน้างาน โดยใช้แท็กติกอภิปรายพ่วง “ประยุทธ์-ธรรมนัส” ตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่าเพื่อไทยก็อภิปรายเกินเวลา และเอาคนมาแทรงคิว ส.ส. อนาคตใหม่ อีกจนเราได้เริ่มอภิปรายร.อ.ธรรมนัส ตอน 23.00 น. (26 ก.พ.) ไปจบตอนตีสาม พอมาวันสุดท้าย วันที่ 4 ส.ส. ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่าจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ตอนเช้า ปรากฎว่าก็ไม่เข้ามาประชุมเสียที จนในสภาต้องใช้แท็กติก หารือถ่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง" นายปิยบุตร ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกลางดึกคืนวันที่ 27 ก.พ.

พรรณิการ์ ปิยบุตร ธนาธร อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา 55 .jpg

จนนำมาสู่การประกาศผ่านทวิตเตอร์ อนาคตใหม่ ให้ ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่แหกมติฝ่ายค้านเข้าประชุมสภาฯ เพื่อเดินหน้าสู้กับเสียงของรัฐบาลกลางสภาฯ

แม้พรรคอนาคตใหม่ จะเข้าร่วมลงมติ แต่สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปหลังเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.พ. 2563

56 เสียงของอดีตอนาคตใหม่จะเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงหรือไม่ จะมีใครแตกแถวหรือไม่

หลังถูกพลังดูดจากพรรคร่วมรัฐบาลดึงตัวไปแล้ว 9 เสียงก่อนหน้า

แต่ไม่ว่าอย่างไรแม้เสียงของฝ่ายค้านจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างขาดลอยในสภาฯ

สิ่งที่เกิดขึ้นจากศึกซักฟอกครั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลยังสร้างรอยร้าวให้เห็นเด่นชัดผ่านศึกซักฟอกในหมู่พรรคฝ่ายค้านจากผลพวงการชิงปิดอภิปรายในตอนท้ายของศึกซักฟอก

"หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้ หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการ เพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู พวกเราพยายามใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เพื่ออย่างน้อยจะลดความโกรธของประชาชน ลดความไม่พอใจของประชาชน และมาแสดงออกกันที่สภาฯ"

สะท้อนผ่านโพสต์ล่าสุดของอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คือ คำตอบที่เด่นชัดในศึกซักฟอกครั้งนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง