ไม่พบผลการค้นหา
'สมชาย แสวงการ' ติดแฮชแท็ก 'อยู่ไม่เป็นสุข' ชำแหละคดีถือหุ้นสื่อ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ฟันธงศาลพิจารณาคดีถูกต้อง-เที่ยงธรรม ติดแฮชแท็ก

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุถึงคดีถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยยกเหตุผล 4 ประเด็นในการพิจารณาคดี ว่า ขอตอบคำถามที่นายธนาธรแถลงปิดคดีนอกศาล 4 ประเด็น ในฐานะคนมีประสบการณ์ ทั้งเป็นผู้ร้องและผู้ถูกร้องในศาลรัฐธรรมนูญหลายคดี รวมถึงคดีที่เคยถูกร้องพร้อม ส.ส. และ ส.ว. ในสมัยหนึ่งว่าเป็นถือหุ้นสัมปทานและหุ้นสื่อสารมวลชนดังนี้

ประเด็นที่ 1 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นสื่อหรือไม่

คำตอบ คือเป็นบริษัทสื่อสารมวลชนแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่จดทะเบียนในวัตถุประสงค์และข้อเท็จจริงในการเป็นเจ้าของและผู้ผลิตนิตยสารหลายฉบับ

ประเด็นที่ 2 ยังเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันที่ 6 ก.พ. หรือไม่

คำตอบ คือยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่เพราะการโอนหุ้นกันเองในครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 นั้นยังไม่สามารถหักล้างการขาดคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีสถานะเป็นกฎหมายสูงสุดใช้เป็นหลักปกครองประเทศเป็นหลักกฎหมายมหาชนจะมาอ้างกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาหักล้างยังไม่ได้ ดังนั้นการโอนหุ้นต้องดูหลักฐานทางทะเบียน ซึ่งเป็นเอกสารมหาชนเป็นหลัก มิเช่นนั้นอาจมีการโอนหุ้นย้อนหลังแล้วอ้างว่าโอนกันในครอบครัวแล้วมาอ้างได้

ประเด็นที่ 3 การถือหุ้นสื่อ ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

คำตอบ ผิดชัดเจนมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2550 จนมาถึงรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วครับ ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในคดีที่ร้อง ส.ส. ส.ว. ถือหุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานรัฐไว้แล้วและสามารถตีความได้ว่า แม้การถือหุ้นสื่อมวลชนที่มิใช่ทำข่าว แต่เป็นหนังสือพิมพ์วิทยุโทรทัศน์ใดๆ ก็เป็นสื่อมวลชนครับ เช่น ช่อง 3 ช่อง 9 แกรมมี่ ก็เป็นรายการบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ วิทยุทุกสถานีแม้เป็นรายการใดก็เป็นสื่อมวลชน

"ดังนั้นหนังสือพิมพ์นิตยสารก็เป็นสื่อมวลชนครับ จะอ้างว่าปิดกิจการแล้ว แต่ยังไม่จดทะเบียนเลิกจนสำเร็จ ก็ยังเป็นสื่อที่พร้อมเปิดขึ้นมาได้อีกในวันใดวันหนึ่ง เช่น กรณีไอทีวีและบริษัททีเอ ที่เคยถูกวินิจฉัยไว้ทำนองเดียวกัน" 

ประเด็นที่ 4 กระบวนการพิจารณาคดีมีความถูกต้อง เที่ยงธรรม และมีความเป็นธรรมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือไม่

คำตอบ คือ มีความถูกต้องเที่ยงธรรมและเป็นธรรมแน่นอนครับ เพราะ 1) ศาลรัฐธรรมนูญลงมติรับคำร้องพิจารณาคำคัดค้าน มีการไต่สวนกกต. นายธนาธร และพยานถ่ายทอดสดให้ประชาชนทั่วประเทศเห็น ซึ่งหลายคนจำได้ว่า นายธนาธรตอบหลายครั้งว่าจำอะไรไม่ค่อยได้

2) เรื่องนี้ก่อนที่กกต. ลงมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 เสียง ส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้นย่อมตรวจพยานหลักฐานและข้อกฎหมายจนมั่นใจสิ้นกระแสความแล้ว จึงลงมติว่า นายธนาธรขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. เพราะถือครองหุ้นสื่อนั้น

กกต.เองก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย หากวินิจฉัยบกพร่องไปก็เคยมี กกต. ยุคก่อนถูกศาลพิพากษาจำคุกมาแล้ว กกต.ชุดนี้ทราบดี จึงพิจารณารอบคอบยิ่งก่อนลงมติ

ส่วนที่ไม่ต้องรอมติอนุกรรมการบางชุด เพราะเห็นว่าได้ข้อมูลครบแล้วและอนุทำงานภายใต้กกต. จึงไม่จำเป็นต้องรอ เพราะอนุกรรมการอาจถูกผู้ถูกร้องดึงเรื่องหรือพยายามยื้อถ่วงเวลาไม่ให้ กกต.ลงมติได้ตามเวลา

เช่นเดียวนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตนเพิ่งเห็น คนบางคนเมื่อพูดคนเดียวพูดเองเออเองได้ทั้งหมด พูดคล่องเหมือนท่องอาขยาน ทั้งเรื่อง หุ้น ประชาธิปไตย ความเท่าเทียม แต่เมื่อต้องพูดต่อหน้าตุลาการ พูดได้คำเดียวว่า"จำไม่ได้"ที่เลวร้าย มีการพาดพิงอายุของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่ามีอายุเกิน 70 ปี รู้สึกว่าคุณกำลังเอาตัวเลขนี้มาสื่อนัยยะว่าอายุมากแล้ว สู้พวกคุณไม่ได้ แต่อย่าลืมนะว่า คนที่ผ่านอายุมาขนาดนี้ ล้วนผ่านประสบการณ์ และรู้ดีรู้ชั่วมามากกว่าคุณ หยุดวัดคุณค่าคนด้วยอายุ

ที่ตลกมากที่สุดคือ การย้ำว่าความผิดของตนเอง คือ การต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. เขาต้องการให้คุณชี้แจงว่าโอนหุ้นจริงหรือไม่เท่านั้น แต่ก็เฉไฉไปเรื่องอื่น จึงไม่แปลกที่สร้างเรื่องอยู่.ไม่.เป็น. เพื่อต่อรองความผิดตนเอง

นอกจากนี้นพ.วรงค์ ได้ติดแฮชแท็ก 'อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่' ทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม