นายสมคิด จากตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วันนี้ (9 ม.ค.2563) ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านยังไม่กระทบต่อด้านพลังงานในประเทศไทย ยืนยันว่าขณะนี้พลังงานมีเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ โดย กฟผ. มีแนวทางที่จะตึงราคาค่าไฟให้มีความเหมาะสมในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนอยู่แล้วเพื่อไม่กระทบต่อกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม SME และประชาชนฐานราก ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าค่าไฟฟ้าจะไม่มีการปรับขึ้นในระยะสั้นอย่างแน่นอน
“ไม่ได้หมายความว่าให้ตรึงค่าไฟฟ้า แต่ให้รักษาระดับเดิมทั้งปี เพื่อไม่ให้คนเดือดร้อน เพราะขณะนี้น้ำมันก็มีอยู่พร้อม ผลประกอบการก็สามารถดูแลค่าไฟฟ้าได้” นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรียังกำชับให้ กฟผ. เร่งรัดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ให้มากขึ้น อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน การผลิตรถพลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เนื่องจากในปีนี้มีแผนลงทุนอยู่แล้วรวมกว่า 36,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการอื่นนอกเหนือก็ขอให้ไปดูว่าจะสามารถดันแผนลงทุนเพิ่มเติมได้หรือไม่ โดยเฉพาะโครงการที่ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากขณะนี้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่างบฯ ปี 2563 จะผ่านสภาโดยเร็ววันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้จะมีการนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงแนวทางการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีข้อมูลชัดเจน เนื่องจากเป็นเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้าตามบ้านเรือนอยู่แล้ว นอกจากนี้จะรวมไปถึงกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กๆ อีกด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง หรือจะต้องตั้งกองทุนเข้ามาดูแลเพิ่มเติมคล้ายกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือไม่ ซึ่งในปี 2563 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กพท.) ได้ประกาศตรึงค่าไฟฟ้าเดือนมกราคม-เมษายน จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย ต่ออีก 4 เดือน