ไม่พบผลการค้นหา
"ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต. ตรวจสอบ ส.ส.พรรคการเมืองหนึ่ง ซื้อขายตัว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ หวังขั้นยุบพรรค ยื่น กสม. ตรวจสอบกองทัพใช้งบทำ IO

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย รวบรวมพยานหลักฐานทั้งคลิปเสียงและเอกสารถอดเทปบันทึกเสียง ที่ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ นำมาเปิดเผยถึงกระบวนการที่สมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง ต่อรองผลประโยชน์ซื้อขายตัวนักการเมือง หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ เพื่อยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ขอให้วินิจฉัย แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ดำเนินการเอาผิด

นายศรีสุวรรรณ กล่าวว่า การซื้อขายตัวเป็นเรื่องที่กฎหมายพรรรการเมืองไม่สามารถอนุญาตให้ทำได้ และเป็นเรื่องที่น่าอับอาย คนเป็นนักการเมืองน่าจะเป็นบุคคลตัวอย่างของประเทศ แต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างจากโสเภณีทางการเมือง เอาเงินมาเป็นที่ตั้งในการโอนตัวเองไปพรรคต่างๆ หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ดังนั้นคลิปเสียงต่างๆ ที่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เผยแพร่หลายครั้ง หลายคลิป เป็นพยานหลักฐานสำคัญว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 30 และมาตรา 31 ซึ่งกำหนดชัดเจนว่าผู้ใดหรือพรรคการเมืองใด จะดำเนินการให้มีสมาชิกโดยการให้หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อให้บุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของตัวเอง จะกระทำมิได้ 

และมาตรา 92 เขียนชัดเจนว่าเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายทำลายล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองได้ และ ส.ส.ที่มีพฤติกรรมขายตัว อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 109 มีอัตราโทษค่อนข้างสูงเช่นกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในสังคมไทยระบบการเมืองไทย ทางสมาคมจึงจำเป็นต้องนำพยานหลักฐานต่างๆ มายื่นต่อ กกต.ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย หากพบว่าเป็นความผิดก็ขอให้ยื่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองเพื่อดำเนินคดีต่อไป

นายศรีสุวรรณ เปิดเผยอีกว่า จะยื่นหลักฐานที่พรรคอนาคตใหม่อภิปรายเกี่ยวกับกองทัพการใช้งบประมาณทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือ IO โจมตีฝ่ายเห็นต่าง ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. เพราะกระทบสิทธิประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน ขัดแย้งกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนค่อนข้างร้ายแรง ผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และประมวลกฎหมายอาญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายมาตรา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ไม่ควรให้หน่วยงานรัฐมีพฤติกรรมเหล่านี้ หากจะกระทำการ ต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่มาตั้งวอร์รูมโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งพยานหลักฐานสำคัญที่รั่วไหลสำคัญนำไปสู่การตรวจสอบของ กสม. เพื่อนำไปสู่การสรุป วินิจฉัย และเสนอความเห็นไปยังรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามอำนาจหน้าที่ และถ้าวินิจฉัยว่าละเมิดจริง ก็นำไปสู่ การตรวจสอบข้อหาทุจริตในหน้าที่โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. และหากเข้าข่ายการใช้งบประมาณโดยมิชอบ ก็เข้าข่ายที่จะส่งเรื่องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ตรวจสอบได้