ไม่พบผลการค้นหา
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นช้าลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของหุ้นไทยอยู่ในอันดับที่ย่ำแย่ที่สุดในโลก

ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ตกลงไปถึง 5.1 เปอร์เซ็นต์ ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี หลังจากที่รัฐบาลเปิดเผยว่า มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 40 คน ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยปีนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงมาแล้วถึง 14 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นสำคัญๆ ของโลก เข้าสู่ตลาดช่วงขาลง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบไทยอย่างมาก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน แต่ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปแล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวที่คิดเป็น 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจไทยจึงหายไปในช่วงเดือนที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำความเสียหายที่เกิดจากภาวะแล้งจัด การอนุมัติงบประมาณที่ล่าช้า และยอดส่งออกที่ตกต่ำ

นายนำชัย เตชะรัตนะวิโรจน์. รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ระบุว่า พื้นฐานและมูลค่าของหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่หุ้นตกในตอนนี้แล้ว เนื่องจากตลาดอยู่ในภาวะหวาดกลัว การท่องเที่ยวเป็นตัวขัยเคลื่อนเศรษฐกิจหลักและนักท่องเที่ยวจีนก็เป็นกลุ่มที่ใช้เงินในไทยสูง และตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ ก็ชอกช้ำหนักเช่นกัน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นฟิลิปปินส์ร่วงลงมาและ 11 เปอร์เซ็นต์ และดัชนีหุ้นอินโดนีเซียก็ร่วงลงมา 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีหุ้นมาเลเซียก็กลับมาเป็นขาลงหลังจากอยู่ในช่วงขาขึ้นมายาวนานถึง 12 ปี

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปกว่า 1,180 ล้านดอลลาร์ หรือราว 37,350 ล้านบาทในปีนี้ จากที่ขายออกไปแล้ว 11,000 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 350,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ บล.กรุงเทพแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสด และไม่ต้องรีบซื้อหุ้นในช่วงที่ยังมีการแพร่ะรบาดของไวรัสโคโรนา